กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
การบริหารจิตและเจริญปัญญา
• การบริหารจิตและเจริญปัญญา หมายถึง การควบคุมจิตให้มีสมาธิ และทำให้เกิดปัญญา
• การฝึกสวดมนต์และแผ่เมตตา
การสวดมนต์และแผ่เมตตา เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบริหารจิตและเจริญปัญญา ทำให้เราสามารถควบคุมจิตใจให้มีสมาธิและก่อให้เกิดปัญญาได้ ฉะนั้น นักเรียนควรฝึกสวดมนต์ และแผ่เมตตาก่อนนอน ก่อนเรียนหนังสือ และหลังเลิกเรียน เป็นประจำ
• ขั้นตอนการสวดมนต์และแผ่เมตตา มีดังนี้
ขั้นตอนที่ ๑
นั่งคุกเข่าประนมมือ ตั้งจิตให้สงบ
ขั้นตอนที่ ๒
สวดมนต์ (คำบูชาพระรัตนตรัย)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
ธัมมัง นะมัสสามิ. (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สังฆัง นะมามิ. (กราบ)
• การฝึกสวดมนต์และแผ่เมตตา
การสวดมนต์และแผ่เมตตา เป็นอีกวิธีหนึ่งในการบริหารจิตและเจริญปัญญา ทำให้เราสามารถควบคุมจิตใจให้มีสมาธิและก่อให้เกิดปัญญาได้ ฉะนั้น นักเรียนควรฝึกสวดมนต์ และแผ่เมตตาก่อนนอน ก่อนเรียนหนังสือ และหลังเลิกเรียน เป็นประจำ
• ขั้นตอนการสวดมนต์และแผ่เมตตา มีดังนี้
ขั้นตอนที่ ๑
นั่งคุกเข่าประนมมือ ตั้งจิตให้สงบ
ขั้นตอนที่ ๒
สวดมนต์ (คำบูชาพระรัตนตรัย)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม,
ธัมมัง นะมัสสามิ. (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
สังฆัง นะมามิ. (กราบ)
ขั้นตอนที่ ๓
เมื่อสวดมนต์จบแล้ว ให้นั่งในท่าที่สบายหรือนั่งขัดสมาธิมือวางบนตัก หลับตา และเตรียมแผ่เมตตา ถ้ายืนสวดมนต์ ให้ประนมมือ หลับตาและเตรียมแผ่เมตตา
เมื่อสวดมนต์จบแล้ว ให้นั่งในท่าที่สบายหรือนั่งขัดสมาธิมือวางบนตัก หลับตา และเตรียมแผ่เมตตา ถ้ายืนสวดมนต์ ให้ประนมมือ หลับตาและเตรียมแผ่เมตตา
ขั้นตอนที่ ๔
เริ่มแผ่เมตตา โดยตั้งจิตว่า ขอให้สรรพสัตว์ (สิ่งมีชีวิตทั้งปวง) จงมีแต่ความสุข
ปราศจากความทุกข์ ความเดือดร้อน ตลอดกาลนานเทอญ
เริ่มแผ่เมตตา โดยตั้งจิตว่า ขอให้สรรพสัตว์ (สิ่งมีชีวิตทั้งปวง) จงมีแต่ความสุข
ปราศจากความทุกข์ ความเดือดร้อน ตลอดกาลนานเทอญ
ขั้นตอนที่ ๕
เมื่อแผ่เมตตาเสร็จแล้วให้ยกมือไหว้ และสาธุ ในใจ
เมื่อแผ่เมตตาเสร็จแล้วให้ยกมือไหว้ และสาธุ ในใจ
ความหมายและประโยชน์ของสติ
สติ หมายถึง ความระลึกได้หรือรู้ตนเองอยู่เสมอว่า กำลังทำอะไร
สมาธิ หมายถึง การทำจิตใจให้ตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว
การเจริญสติและสมาธิ หมายถึง การฝึกจิตให้มีสติระลึกได้ตลอดเวลา และการทำจิตให้มีสมาธิตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน
สติ หมายถึง ความระลึกได้หรือรู้ตนเองอยู่เสมอว่า กำลังทำอะไร
สมาธิ หมายถึง การทำจิตใจให้ตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว
การเจริญสติและสมาธิ หมายถึง การฝึกจิตให้มีสติระลึกได้ตลอดเวลา และการทำจิตให้มีสมาธิตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน
• ฟังเพลงและร้องเพลงอย่างมีสติ
การฟังเพลงและร้องเพลงอย่างมีสติ คือ การฝึกสติให้ใจจดจ่อต่อการฟังเพลงและร้องเพลง ให้รู้เข้าใจความหมายของเพลง และสามารถทำกิจกรรมประกอบการร้องเพลงได้
การฟังเพลงและร้องเพลงอย่างมีสติ คือ การฝึกสติให้ใจจดจ่อต่อการฟังเพลงและร้องเพลง ให้รู้เข้าใจความหมายของเพลง และสามารถทำกิจกรรมประกอบการร้องเพลงได้
• การเล่นและทำงานอย่างมีสติ
เล่นอย่างมีสติ
การเล่นเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่นักเรียนชอบ เพราะทำให้มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่บางครั้งการเล่นก็อาจทำให้เราได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าเราไม่มีสติในการเล่น เล่นอย่างมีสติทำให้ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ถ้าเล่นอย่างไม่มีสติ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและได้รับอันตราย
เล่นอย่างมีสติ
การเล่นเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่นักเรียนชอบ เพราะทำให้มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่บางครั้งการเล่นก็อาจทำให้เราได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าเราไม่มีสติในการเล่น เล่นอย่างมีสติทำให้ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่ถ้าเล่นอย่างไม่มีสติ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและได้รับอันตราย
• ทำงานอย่างมีสติ
การทำงานจะสำเร็จลุล่วงลงได้ด้วยดี นักเรียนจะต้องมีสติกล่าวคือ ต้องระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า ในขณะนั้นตนกำลังทำอะไรอยู่ มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในงานนั้น งานนั้นก็จะไม่ผิดพลาดและประสบความสำเร็จ จิตใจที่มีสมาธิจะคิดเพียงเรื่องเดียวไม่ว่าขณะนั้นกำลังทำงานอะไรอยู่ งานก็จะสำเร็จลงได้ด้วยดี
การทำงานจะสำเร็จลุล่วงลงได้ด้วยดี นักเรียนจะต้องมีสติกล่าวคือ ต้องระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า ในขณะนั้นตนกำลังทำอะไรอยู่ มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในงานนั้น งานนั้นก็จะไม่ผิดพลาดและประสบความสำเร็จ จิตใจที่มีสมาธิจะคิดเพียงเรื่องเดียวไม่ว่าขณะนั้นกำลังทำงานอะไรอยู่ งานก็จะสำเร็จลงได้ด้วยดี
• ฝึกให้มีสติในการฟัง การอ่าน การคิด การถาม และการเขียน
การฟัง การอ่าน การคิด การถาม และการเขียน เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน และฝึกให้มีสติอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
การฟัง การอ่าน การคิด การถาม และการเขียน เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน และฝึกให้มีสติอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
• ฝึกให้มีสติในการฟัง
การฟังอย่างมีสติ คือ การฟังอย่างตั้งใจ ไม่พูดคุยในขณะที่ครูหรือผู้ใหญ่พูดสั่งสอน นั่งฟังอย่างสงบ และมีสมาธิ
• ฝึกให้มีสติในการอ่าน
การอ่านอย่างมีสติ คือ การอ่านอย่างตั้งใจ ไม่ฟุ้งซ่านคิดไปในเรื่องอื่น จิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่อ่านเพียงอย่างเดียว
• ฝึกให้มีสติในการคิด
การคิดอย่างมีสติ คือ การมีใจจดจ่อ มีสติตั้งมั่นอยู่กับการคิด คิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างรอบคอบและคิดแต่เรื่องที่สร้างสรรค์เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
• ฝึกให้มีสติในการถาม
การถามอย่างมีสติ คือ การคิดไตร่ตรองให้รอบคอบแล้วจึงถาม รู้จักใช้คำถามให้ถูกต้องตามกาลเทศะ และมีมารยาทที่ดีในการถาม คือ ใช้คำถามที่ดีและใช้วาจาสุภาพ
• ฝึกให้มีสติในการเขียน
การเขียนอย่างมีสติ คือ การมีใจมุ่งมั่นจดจ่อที่จะเขียนและลงมือเขียนตามที่ได้คิดไตร่ตรองเอาไว้แล้ว
การฟังอย่างมีสติ คือ การฟังอย่างตั้งใจ ไม่พูดคุยในขณะที่ครูหรือผู้ใหญ่พูดสั่งสอน นั่งฟังอย่างสงบ และมีสมาธิ
• ฝึกให้มีสติในการอ่าน
การอ่านอย่างมีสติ คือ การอ่านอย่างตั้งใจ ไม่ฟุ้งซ่านคิดไปในเรื่องอื่น จิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่อ่านเพียงอย่างเดียว
• ฝึกให้มีสติในการคิด
การคิดอย่างมีสติ คือ การมีใจจดจ่อ มีสติตั้งมั่นอยู่กับการคิด คิดอย่างมีเหตุผล คิดอย่างรอบคอบและคิดแต่เรื่องที่สร้างสรรค์เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
• ฝึกให้มีสติในการถาม
การถามอย่างมีสติ คือ การคิดไตร่ตรองให้รอบคอบแล้วจึงถาม รู้จักใช้คำถามให้ถูกต้องตามกาลเทศะ และมีมารยาทที่ดีในการถาม คือ ใช้คำถามที่ดีและใช้วาจาสุภาพ
• ฝึกให้มีสติในการเขียน
การเขียนอย่างมีสติ คือ การมีใจมุ่งมั่นจดจ่อที่จะเขียนและลงมือเขียนตามที่ได้คิดไตร่ตรองเอาไว้แล้ว
การออมเงิน
การออมเงิน
การออม คือ การประหยัด การเก็บหอมรอมริบ
การออมเงิน สามารถทำได้ ๒ แบบ คือ
๑. การออมเงินไว้ที่บ้าน โดยเก็บใส่กระปุกออมสิน หรือฝากไว้ที่พ่อแม่ การออมเงินวิธีนี้จะไม่ทำให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินออมของเรา
การออม คือ การประหยัด การเก็บหอมรอมริบ
การออมเงิน สามารถทำได้ ๒ แบบ คือ
๑. การออมเงินไว้ที่บ้าน โดยเก็บใส่กระปุกออมสิน หรือฝากไว้ที่พ่อแม่ การออมเงินวิธีนี้จะไม่ทำให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากเงินออมของเรา
๒.
การออมเงินโดยฝากกับธนาคาร โดยนำเงินที่ออมได้ไปเปิดบัญชีเพื่อฝากเงินไว้กับธนาคาร
การออมเงินวิธีนี้จะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากธนาคาร คือ ดอกเบี้ย
การที่สมาชิกในครอบครัวรู้จักใช้จ่ายและเก็บออม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ครอบครัวมีเงินออม การรู้จักใช้จ่ายและเก็บออม ช่วยฝึกให้เรามีคุณธรรม ดังนี้
๑) ฝึกให้เป็นคนประหยัด รู้จักใช้จ่ายตามความจำเป็น
๒) ฝึกให้เป็นคนมีความรับผิดชอบ วางแผนการใช้จ่ายของตนเอง
๓) ฝึกให้เป็นคนมีความซื่อสัตย์ ไม่แคะกระปุกออมสินเอาเงินออกมาใช้โดยไม่จำเป็น
๔) ฝึกให้เป็นคนมีระเบียบวินัยในตนเอง
การที่สมาชิกในครอบครัวรู้จักใช้จ่ายและเก็บออม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ครอบครัวมีเงินออม การรู้จักใช้จ่ายและเก็บออม ช่วยฝึกให้เรามีคุณธรรม ดังนี้
๑) ฝึกให้เป็นคนประหยัด รู้จักใช้จ่ายตามความจำเป็น
๒) ฝึกให้เป็นคนมีความรับผิดชอบ วางแผนการใช้จ่ายของตนเอง
๓) ฝึกให้เป็นคนมีความซื่อสัตย์ ไม่แคะกระปุกออมสินเอาเงินออกมาใช้โดยไม่จำเป็น
๔) ฝึกให้เป็นคนมีระเบียบวินัยในตนเอง
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พระบรมนามาภิไธย: พ่อขุนบางกลางหาว (เจ้าเมืองบางยาง)
พระปรมาภิไธย: กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์
ราชวงศ์: ราชวงศ์พระร่วง
ระยะครองราชย์: 29
ปี
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระมเหสี: พระนางเสือง
พระราชโอรส/ธิดา: มีพระราชโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพระนามเต็ม กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์
พระนามเดิม พ่อขุนบางกลางหาว (ไม่ใช่ กลางท่าว)
ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งประวัติศาสตร์ไทย ครองราชสมบัติ ตั้งแต่ พ.ศ. 1792 (คำนวณศักราชจากคัมภีร์สุริยยาตรตามข้อเสนอของ ศ. ประเสริฐ ณ นครและ
พ.อ.พิเศษ เอื้อน มณเฑียรทอง)
แต่ไม่ปรากฏหลักฐานการสวรรคตหรือสิ้นสุดการครองราชสมบัติปีใด
มีผู้สันนิษฐานที่มาของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
จากคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ว่าบ้านเดิมของพระองค์อาจอยู่ที่ "บ้านโคน"
ในจังหวัดกำแพงเพชร
พระนาม
1.บางกลางหาว
2.ศรีอินทราทิตย์
3.อรุณราช
4.ไสยรังคราช
หรือสุรังคราช หรือไสยนรงคราช หรือรังคราช
5.พระร่วง
หรือโรจนราช
สำหรับพระนามแรก คือ พ่อขุนบางกลางหาวนั้น
เป็นพระนามดั้งเดิมเมื่อครั้งเป็นเจ้าเมืองบางยาง พระนามนี้ไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า
พ่อขุนบางกลางหาวเป็นพระนามสมัยเป็นเจ้าเมืองบางยางโดยแท้จริง
พระนามที่สองนั้น เป็นพระนามที่ใช้กันทางราชการ
เป็นพระนามที่เชื่อกันว่าทรงใช้เมื่อราชาภิเษกแล้ว คำว่าศรีอินทราทิตย์นั้น
ไมมีปัญหา เพราะมีบ่งอยู่ในศิลาจารึก แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ คำที่นำหน้า คำว่า
"ศรีอินทราทิตย์" เพราะเรียกแตกต่างกันไปว่า ขุนศรีอินทราทิตย์บ้าง
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์บ้าง พระเจ้าศรีอินทราทิตย์บ้าง
และบางทีก็เรียกพระเจ้าขุนศรีอินทราทิตย์
พระราชกรณียกิจ
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เมื่อครั้งยังเป็นพ่อขุนบางกลางหาวได้ร่วมกับพ่อขุนผาเมือง
เจ้าเมืองราดแห่งราชวงศ์ศรีนาวนำถุม รวมกำลังพลกัน กระทำรัฐประหารขอมสบาดโขลญลำพง
โดยพ่อขุนบางกลางหาวตีเมืองศรีสัชนาลัยและเมืองบางขลงได้
และยกทั้งสองเมืองให้พ่อขุนผาเมือง ส่วนพ่อขุนผาเมืองตีเมืองสุโขทัยได้ ก็ได้มอบเมืองสุโขทัยให้พ่อขุนบางกลาวหาว
พร้อมพระขรรค์ชัยศรีและพระนาม "ศรีอินทรบดินทราทิตย์"
ซึ่งได้นำมาใช้เป็นพระนาม ภายหลังได้คลายเป็น ศรีอินทราทิตย์
การเข้ามาครองสุโขทัยของพระองค์
ส่งผลให้ราชวงศ์พระร่วงเข้ามามีอิทธิพลในเขตนครสุโขทัยเพิ่มมากขึ้น และได้แผ่ขยายดินแดนกว้างขวางมากออกไป
แต่เขตแดนเมืองสรลวงสองแคว ก็ยังคงเป็นฐานกำลังของราชวงศ์ศรีนาวนำถุมอยู่
ในกลางรัชสมัย ทรงมีสงครามกับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ทรงชนช้างกับขุนสามชน
แต่ช้างทรงพระองค์ ได้เตลิดหนีดังคำในศิลาจารึกว่า "หนีญญ่ายพ่ายจแจ"
ขณะนั้นพระโอรสองค์เล็ก ทรงมีพระปรีชาสามารถ ได้ชนช้างชนะขุนสามชน
ภายหลังจึงทรงเฉลิมพระนามพระโอรสว่ารามคำแหง
ในยุคประวัติศาสตร์ชาตินิยม มีคติหนึ่งที่เชื่อกันว่า
พระองค์ทรงเป็นผู้นำชนชาติไทย ต่อสู้กับอิทธิพลขอมในสุวรรณภูมิ
ทรงได้ชัยชนะและประกาศอิสรภาพตั้งราชอาณาจักรสุโขทัยขึ้น
และทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทย แต่ภายหลัง
คติดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง เพราะพระองค์ไม่ได้เป็นปฐมกษัตริย์
อีกทั้งยังมีพ่อขุนศรีนาวนำถุม ครองสุโขทัยอยู่ก่อนแล้ว
พระราชวงศ์
พ่อขุนศรีอินทราทิตย์มีพระราชโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์
ได้แก่
1.พระราชโอรสองค์โต
(ไม่ปรากฏนาม) เสียชีวิตตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
2.พ่อขุนบานเมือง
3.พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
(พระนามขณะที่ยังทรงพระเยาว์ไม่ปรากฏ)
4.พระธิดา
(ไม่ปรากฏนาม)
5.พระธิดา
(ไม่ปรากฏนาม)
แม้ไม่ทราบแน่นอนว่าพระองค์สิ้นพระชนม์ในปีใด แต่ภายหลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว
พ่อขุนบานเมือง ผู้เป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ ได้สืบราชสมบัติแทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น